การที่ทีมจะสามารถเอาชนะคู่แข่งในเกมฟุตบอลได้นั้นต้องมีหลากหลายปัจจัยที่ผสมผสานกัน  ความเข้าใจรูปแบบแผนการเล่นและการวางหมากเพื่อแก้สถานการณ์ระหว่างเกม รวมทั้งนักเตะในทีมที่ต้องลงทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดตามตำแหน่ง นอกเหนือจาก ผู้รักษาประตูที่ต้องยืนเป็นด่านสุดท้ายเพื่อไม่คูู่ต่อสู้เข้ามายิงลงโทษได้ หรือ แนวรับที่ต้องเป็นเหมือนกำแพงเหล็กป้องกันจากการถูกโจมตีจากเกมบุกของศัตรูฝ่ายตรงข้าม แม้กระทั่งบรรดากองกลางที่ต้องหาไอเดียเพื่อสร้างสรรค์โอกาสให้ทีม แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเพียงองค์ที่สำคัญอย่างหนึ่ง แต่ถ้าจะให้พูดถึงสิ่งจะเป็นตัวตัดสินเกมให้ทีมพบกับชัยชนะได้นั้นก็คือ ตัวรุกที่มีหน้าที่ในการทำประตูเป็นหลัก ในโลกฟุตบอลตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีนักเตะตัวรุกมากหน้าหลายตาที่เป็นที่รู้จักดีของแฟนบอลทั่วโลก แต่วันนี้เราขอแนะนำ 7 อันดับ สามผสานเกมรุกที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสามตัวรุกที่โหดที่สุดตั้งแต่เคบมีมา

1. ริวัลโด้ โรนัลดินโญ่ โรนัลโด้ สามประสานตัวรุกของทีมชาติบราซิล หรือที่ แฟนบอลรู้จักกันดีในชื่อ ทริปเปิ้ล อาร์ ที่สร้างความน่าสะพรึงกลัวให้กับกองหลังทุกทีมในทัวร์นาเม้นท์ ฟุตบอลโลก 2002 ที่ เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น เป็นเจ้าภาพร่วมกัน ซึ่งความมหัศจรรย์ของ 3 อาร์ นั้นได้ใช้เพลงแข้งสไตล์แซมบ้าพาทีมชาติ บราซิล ผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่ 5 ไปอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งทั้งสามแข้งระดับซุปเปอร์สตาร์แห่งยุคนั้น คอยประสานงานกันอย่างสุดยอดด้วยแผนการเล่น 4-3-3 ที่ หลุยซ์ เฟลิเป้ สโครารี่ ใช้ในการลงเล่นในฟุตบอลโลกครั้งนั้น มี ริวัลโ้ด้ทำเกมรุกอยู่ทางด้านซ้าย มี โรนัลดินโญ่คอยโชว์ลีลาเทคนิคอันเหนือชั้นคอยสร้างปวดหัวให้แก่กองหลังฝั่งตรงข้ามยืนอยู่ทางขวา และมี โรนัลโ้ด้ ยืนเป็นกองหน้าคอยลั่นสกอร์ให้แก่ทีม นอกจาก ทีมชาติ บราซิลจะได้แชมป์ในปีนั้นด้วยแล้ว โรนัลโ้ด้คว้าตำแหน่งดาวซัลโวของทัวนาเม้นต์ด้วยการซัดไป 8 ประตู และยังได้รับเลือกเป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำฟุตบอลโลกในปี 2002 เช่นเดียวกัน ส่วนช็อตที่ถูกแฟนบอลทั่วโลกกล่าวขวัญมากที่สุดคือ การโชว์ความมหัศจรรย์หลอกยิงฟรีคิกข้ามหัว เดวิด ซีแมน นายทวารทีมชาติอังกฤษ ในนัดที่ บราซิลเอาชนะ ทีมชาติอังกฤษไป 2-1 ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย

2. คริสเตียโน่ โรนัลโ้ด้ เวย์น รูนี่ย์ คาร์ลอส เตเบซ สามแข้งระดับพระกาฬต่างเชื้อชาติที่เป็นกุญแจ่สำคัญในการพาทีม แมนเเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เถลิงดับเบิ้ลแชมป์ พรีเมียร์ลีกและ ยูฟ่า แชมป์เปั้ยนลีกส์ ในฤดูกาล 2008 โดยทั้งสามคนนี้มีจุดเด่นที่แตกต่างกันแต่พอลงสนามพร้อมกันเป็นต้องสร้างความหวาดหวั่นให้กับกองหลังที่ต้องเผชิญหน้าด้วย อย่างเช่น คริสเตียโน่ โรนัลโ้ด้ ที่มีสปีดอันรวดเร็ว และ การสับขาหลอกท่ี่เป็นเอกลักษณ์ทำให้คู่ต่อสู้ต้องคอยตัดเกมส์และเข้าสกัดเพื่อหยุดความอันตรายของเขา ทางด้าน รูนี่ย์ มีความเป็นศูนย์หน้าที่ยิงประตูได้คมกริบ มีพลังกำลังอันเหลือล้น รวมทั้งสามารถกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมให้กลับมาฮึดสู้ได้อีกครั้ง ส่วน เตเบซ ถือเป็นจิ๊กซอว์ที่จะขาดไม่ได้เลยเสียจริงๆด้วยความขยันและมีเทคนิคการใส่สกอร์ได้อย่างเลือดเย็น ถือว่าเเป็นตัวรุกที่โหดเ***มที่สุดในยุโรปในตอนนั้นเลยทีเดียว ภายหลังมาต่างคนต่างแยกย้ายไปทีมอื่นอย่าง ซีอาร์ เซเว่น ย้ายไปร่วมทัพ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวที่แพงทีสุดในโลก และ เตเบซ ที่สร้างความเจ็บปวดให้กับ แฟนบอล เร้ด อาร์มี่ ด้วยการหันไปซบอก ทีมคู่อริร่วม เมืองอย่าง แมนฯ ซิตี้

3. อังเดร เชฟเชงโก้ กาก้า ฟิลิปโป้ อินซากี้ สามสตาร์ดังแห่งทีม เอซี มิลาน ที่เป็นฟันเฟืองสำคัญที่นำ สโมสร ครองความเป็นจ้าวทีมแห่งยูโรปด้วยการสอยแชมป์กัลโช่ ซีเรีย อา 2 สมัย ,โคปา อิตาเลีย 1 สมัย และ ยูซีแอล 2 สมัย ภายใต้การทำทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ ยอดกุนซือชาว อิตาลี ด้วยการเข้าทำที่สวยงามและเด็ดขาด โดย มีการสอดประสานของสามตัวรุกอันตรายของทีมนำโดย กาก้า จอมทัพทีมชาติ บราซิลที่ระเบิดฟอร์ดได้อย่างสุยอดด้วยทักษะที่ไม่เป็นสองรองใคร ความแข็งแกร่งและการจ่ายบอลในแบบคิลเลอร์พาส แถมยังมี เชฟเชงโก้ ที่เป็นกองหน้าที่ครบเเครื่องที่สุดในโลกคนหนึ่ง และ ฟิลิิปโป้ อินซากี้ กองหน้าทีมชาติอิตาลีที่มีสัญชาติญานแห่งความเป็นศูนย์หน้าอย่างเต็มเปี่ยมด้วยการมีจมูกที่ว่องไว อยู่ถูกที่ถุกเวลา เหมือนกับรู้ล่วงหน้าไว้ก่อนแล้ว และยังมีการเเล่นแบบฉลาดเป็นกรดเลยทีเดียว  ซึ่งในปี 2007 กาก้า ได้ก้าวไปรับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของทวีปยูโรปอย่าง บัลลงดอร์ มาประดับเกียรติยสส่วนตัวอีกด้วย และที่หลายคนยังพอจำกันได้ก็คือ ซีนที่ กาก้า ร่ายมนตร์แข้งสไตล์ละตินบุกตะลุยแนวรับทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ไปแบบไม่มีชิ้นดี ในเกม แชมเปียนส์ลีก ที่ ทัพ ปีศาจแดงดำ บุกมาชนะ  แมนฯ ยู  ถึงถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ผ่านเข้าสูรอบต่อไป

4.  กาเร็ธ เบล คาริม เบนเซม่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ความยิ่งใหญ่ของยอดทีมแห่งลูกหนัง สเปน ได้กลับมาครองความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ในตอนที่ โรนัลโด้ ได้มายังถิ่น ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว และ กาเร็ธ เบล ที่ย้ายมาจาก แมนฯ ยูไนเต็ด และ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ส ตามลำดับ พอผนึกกำลังกับ คาริม เบนเซม่า ดาวยิงทีมชาติฝรั่งเศส ทำให้กลายเป็น สามประสานที่สามารถสร้างความเสียหายให้แก่ บรรดาแนวรับของทีมทั่วยุโรป อย่างมาก ด้วยพรสวรรค์ที่ครบเครื่องของ BBC ซึ่งเป็นชื่อที่แฟนบอลตั้งให้กับทั้งสามดาวเตะตัวฉกาจ ด้วยความสามารถอันหลากหลายของทั้ง  BBC ที่เล่นเข้าขากันอย่างรู้ใจเป็นที่สุด การครบเครื่องของ โรนัลโ้ด้ และ ความเร็วดุจสายฟ้าของ เบล บวกกับ การประตูที่เหนือชั้นของ เบนเซม่า ทำให้ เรอัล มาดริด คว้าแชมป์มาครองอย่างมากมายจนจะล้นตู้โชว์ของสโมสร และไฮไลต์ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ การชูถ้วยสโมสรที่ใหญ่ที่สุดในฟุตบอลยุโรปอย่าง ยูฟ่า แชมป์เ***ยนลีกส์ ถึง 3 สมัยซ้อนในปี 2016, 2017, 2018  แต่ทว่าต่อมาการโบกมือลาทีมของนักเตะที่ได้ชื่อว่าเก่งที่สุดในโลกคนหนึ่งอย่าง โรนัลโ้ด้ ที่ย้ายไปเล่นให้กับ ยุเวนตุส ด้วยค่าตัว 100 ล้านปอนด์ รวมทั้ง สองนักเตะที่รวมพากันชนกับความสำเร็จอย่าง เบล และ เบนเเซม่า ก็ไม่กลับไปอยูในฟอร์มที่สุดยอดเหมือนแต่ก่อน ทำให้ ราชันชุดขาว ยังไม่มีโอกาสเข้าใกล้กับคำว่าแชมป์อีกเลย

5. ลิโอเนล เมสซี่่ เนย์มาร์ หลุย ซัวเรส  นี่คือรายชื่อนักเตะที่ต้องถือว่าติดอันดับ 1-5 ของโลกอย่างแน่นอน MSN ถือเป็นสามแนวรุกที่ได้รับการยอมรับจากทั้งกูรูวิจารณ์และแฟนบอลทั่วโลกยกให้พวกเขาเป็น สามสุดยอดตัวรุกที่อันตรายที่สุดในโลกลูกหนังและเป็นฝันร้ายอย่างแท้จริงให้กับ บรรดาตัวรับทั้งหลายของทุกทีมที่ต้องต่อกรด้วย แค่ความอัจฉริยะของ เมสซี่ แค่คนเดียวก็ยากที่ใครจะหยุดเขาได้ ยังไม่พอยังมี เนย์มาร์ ที่มีความสามรถเฉพาะตัวที่เหลือรับประทานและลีลาสไตล์ บราซิเลี่ยนขนานแท้ รวมถึง หลุยซ์ ซัวเรส ที่เป็นเพชรฆาตในการล่าตาข่ายตัวจริงเสียงจริง มันทำให้ไม่มีใครกล้าปฏิเสธได้เลยจริงๆว่าพวกเขาเป็นเหมือนนักเตะระดับนรกส่งมาเกิดที่ไม่ว่าใครๆได้ยินชื่อก็ต้องหวั่นเกรงกันไปทั่ว

ด้วยความที่เป็นนักเตะระดับโลกทั้งหมด พวกเขาเล่นกันได้แบบมองตาก็รู้ใจ บอลจากเท้าสู่เท้าที่ยากจะเกินจะคาดเดา เชื่อขนมกินได้เลยถ้า สามคนนี้ลงสนามพร้อมกันทีไร ชัยชนะจะตกเป็นของทีม บาร์เซโลน่า อย่างง่ายดาย ทั้งสามช่วยให้ บาร์เซโลน่า กวาด 3 แชมป์ เช่น ลาลีก้า สเปน โคปา เดล เรย์ และ ยฟ่าแชมป์เ***ยน ลีกส์  อย่างยิ่งใหญ่ในปี 2015 ซึ่งมี หลุยซ์ เอ็นริเก้ กุมบังเหียนอยู่ในขณะนั้นด้วย  โดยในฤดูกาลนี้นี่เอง ทั้งสามหน่อช่วยกันถล่มประตูอย่างถล่มถลายรวมกันถึง 100 ลูกเลยทีเดียว

5 สามแนวประสานแนวรุกนี่ เป็นแค่ตัวอย่างที่เรายกมาเล่าในครั้งนี้เป็นรายชื่อที่การันตีความสำเร็จให้กับทีมที่ได้ลงเล่น ซึ่งการจะประสบผลสำเร็จได้นั้นมันไม่ใช่เพียงแค่คนใดของหนึ่งมันต้องมาจ่าก teamwork ในการร่วมกันทำงานอย่างหนักและคอยปรับแก้ไขใน่ส่วนที่บกพร่องรวมทั้งการเชื่อใจซึ่งกันและกัน อีกทั้งการช่วยเหลือกันไม่ยอมปล่อยมือให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องเจอปัญหาอยู่คนเดียว เพราะแค่คนเดียวมันคือจุดเริ่มต้น แต่ถ้ามีหลายๆคนช่วยกัน ปลายทางแห่งความหวังที่ฝันไว้มันก็จะเปิดกว้างมากขึ้น นั่นแหละครับเกมลูกหนังบางทีมันสามารถสอดแทรกแง่คิด คำสอนที่เราสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันของเราได้